วันนี้ ( 9 พ.ค.2568 ) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่าปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต หันมาอยู่บ้านและใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น รวมถึงการพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เวลายามว่างเพื่อแก้เหงา จนสัตว์เลี้ยงกลายเป็นเสมือนคนในครอบครัว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้ ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เติบโตขึ้นตามไปด้วย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
จากการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจากคลังข้อมูลธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD DataWarehouse+) พบว่า ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง มีอัตราการเติบโตขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2566-2567) ทั้งการจัดตั้งใหม่และทุนจดทะเบียน ข้อมูล วันที่ 30 เม.ย. 68 พบว่า ประเทศไทยมีธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจำนวนทั้งสิ้น 3,659 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 145,219.38 ล้านบาท
แบ่งเป็น ปี 2566 มีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 487 ราย ทุนจดทะเบียน 658.85 ล้านบาท ปี 2567 จัดตั้ง 436 ราย (ลดลง 51 ราย หรือ 10.47%) ทุน 681.71 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22.86 ล้านบาท หรือ 3.47%) ปี 2568 ช่วง4 เดือนแรก (ม.ค. – เม.ย.) จัดตั้ง 124 ราย ทุน 186.10 ล้านบาท
อธิบดีกรมพัฒน์ ฯ กล่าวอีกว่า สำหรับผลประกอบการของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 5 ปีที่ผ่านมา (2562 – 2566) พบว่าโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้รวมของธุรกิจเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท มีผลกำไรเฉลี่ย 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งพื้นที่ที่มีธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมากสุด คือ กรุงเทพมหานคร 1,220 ราย รองลงมาเป็น นนทบุรี 279 ราย สมุทรปราการ 210 ราย ปทุมธานี 183 ราย และ นครปฐม 139 ราย
สำหรับ ทิศทางของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังมีอนาคตที่สดใส และคาดว่าจะมีอัตราการแข่งขันที่สูงมากขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
อีกทั้งผู้ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจึงต้องมีการปรับตัวให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงต้องเปิดโลกทัศน์ด้านการประกอบธุรกิจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีทิศทางและมีความยั่งยืน
นอกจากนี้ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มาจากสัตว์เลี้ยงได้กลายมาเป็นคอนเทนต์สร้างสีสันในโลกโซเชียล (Petfluencer) สร้างรายได้ให้เจ้าของจนเกิดผู้ติดตามและสร้างอิทธิพลทางความคิดจนเกิดการอยากเลี้ยงสัตว์ตามมา
การซื้อขายของใช้ อาหาร ขนม หรือของเล่นของสัตว์ที่สินค้ามีความหลากหลายให้เลือกซื้อมากขึ้น มีธุรกิจเกิดใหม่จากวัฏจักรชีวิตสัตว์เลี้ยงที่เรารัก เช่น บริการ Health & Wellness สำหรับสัตว์เลี้ยง และธุรกิจรับจัดงานอวมงคลโดยเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง
ประกอบกับผู้ผลิตได้ปรับตัวในการผลิตสินค้าให้มีความปลอดภัย มีรูปแบบที่ทันสมัย การใช้เทคโนโลยีมาช่วยเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง และเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์เลี้ยงมากขึ้น รวมถึง ปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวอย่างห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวก็ต่างปรับตัวให้เป็น Pet Friendly ลูกค้าสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาเที่ยวด้วยกันได้ จึงทำให้เกิดสังคมคนเลี้ยงสัตว์มารวมตัวกัน และยังมีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อ่านข่าว:
เปิดเทอมใหม่ “ผู้ปกครอง” หัวใจว้าวุ่น จ่ายเฉลี่ย 26,039 บาท/คน
นทท.อินเดียพุ่ง! ความหวังใหม่ท่องเที่ยวไทยท่ามกลางวิกฤตแคชเมียร์