วันที่ 8 พ.ค.2568 นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท.0307.1/25786 ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง การประสานความร่วมมือในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
ด้วยปรากฏเป็นข่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้รายงานข้อมูลต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ว่า มีกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา จากอดีตผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา นั้น
กรมการปกครองยินดีให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการดำเนินการ ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ โดยขอให้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1.ให้มีหนังสือและเอกสารหลักฐาน ยืนยันการเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจและหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบในคดีพิเศษ ที่จะขอให้กรมการปกครองและพนักงานฝ่ายปกครอง ให้ความร่วมมือและสนับสนุนในคดีนั้น
เพื่อสั่งการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง สำหรับในกรุงเทพมหานครให้แจ้งอธิบดีกรมการปกครอง สำหรับในเขตจังหวัด ให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาสั่งการดังกล่าวต่อไป
อ่านข่าว : กกต.-ดีเอสไอ ส่งหมายเรียก 53 สว.ชี้แจงคดีฮั้วเลือก สว.
2.การปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครองได้มีหนังสือ ลับ ด่วนที่สุด ที่ มท 0307.3/ว 12837 ลงวันที่ 12เมษายน 2568 กำซับให้พนักงานฝ่ายปกครองให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย สิทธิของบุคคลในคดีอาญา และเสรีภาพในเคหสถานตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้พนักงานฝ่ายปกครองถือปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมถึงขอบเขตความรับผิดชอบ
นอกจากนี้ ในวันที่ 8 พ.ค. นายมานะ สิมมา ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่วนที่สุด มท.0208.1 8477 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ รายงานเหตุ
กลุ่มบุคคลอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ที่มีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ เพื่อสอบถามข้อมูลอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสภา จำนวน 2 ราย ซึ่งไม่ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ
ดังนั้นเพื่อประโยชน์ต่อการคุ้มครองประชาชน จึงมีแนวปฏิบัติหน้าที่ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจัดหวัด นายอำเภอ รวมถึงปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ และสมาชิก กองอาสารักษาดินแดน ให้ยึดแนวปฏิบัติ และการรับคำร้องทุกข์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ในคดีพิเศษระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง กรณีพนักงาน สอบสวนคดีพิเศษหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประสานขอความร่วมมือพนักงานฝ่ายปกครองผู้มีอำนาจ สืบสวนสอบสวน ให้สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และข้อบังคับคณะกรรมการคดีพิเศษ ( กคพ.) ว่า ด้วยการปฏิบัติหน้าที่ ในคดีพิเศษระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568
นอกจากนี้ยังให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565
หากนายอำเภอผู้รับแจ้งเห็นว่า มีเหตุอันควรสงสัย ว่าจะมีการทรมาน การกระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย นายอำเภอหรือพนักงานฝ่ายปกครอง ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายอำเภอ มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลท้องที่ ที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญา เพื่อให้มีคำสั่งยุติการกระทำเช่นนั้นทันที ตามมาตรา 22 และมาตรา26 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนให้ถูกต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามสำหรับแนวทางดังกล่าว ยังได้สั่งการไปให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศยึดแนวทางนี้อีกด้วย
อ่านข่าว : ความคาดหวังของชาวเชียงใหม่-คนจนเมือง ต่อนายกฯ-สท.เทศบาลนครเชียงใหม่
กะเหรี่ยง ปะทะ ทหารเมียนมา ชาวบ้านลี้ภัยเข้าไทยกว่า 300 คน
แท็กที่เกี่ยวข้อง: