Skip to content

KUBET – สัประยุทธ์สุดซอย “ฟอกเงิน-ฮั้วสว.“ อำนาจเจริญ พื้นที่ชี้ชะตา ?

สัประยุทธ์สุดซอย “ฟอกเงิน-ฮั้วสว.“ อำนาจเจริญ พื้นที่ชี้ชะตา ?

สัประยุทธ์สุดซอย คดีฮั้วเลือกสว. ยังคงเป็นประเด็นเดือด หลังมีข่าวสะพัดวันพรุ่งนี้ ( 8 พ.ค.2568) คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) จะทยอยเรียกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิดกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป. การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 หรือ “ฮั้วสว.” ล็อตแรก จำนวน 60 คน จากทั้งหมด 138 คน หลังคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนวิเคราะห์ข้อเท็จจริงพบมีพฤติการณ์ที่ไม่ได้เป็นอย่างสุจริต จึงส่งข้อมูลให้กกต.พิจารณาเพื่อเพิกถอนสิทธิสว.

ประเด็นนี้แม้จะมีความเป็นไปได้สูง ด้วยเหตุมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมทำงานอยู่ในชุดของคณะอนุกรรมการสืบสวนของกกต.ด้วย จึงสามารถใช้พยานหลักฐาน ทั้งบุคคลและเอกสารชุดเดียวกันเพื่อประกอบการพิจารณาได้ และหากตรวจสอบแล้วเห็นว่า สว.รายใดมีการกระทำผิดจริงก็สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลนั้นกับพนักงานสอบสวน ทั้งตำรวจและดีเอสไอ และยังสามารถส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้เพิกถอนสิทธิทางการเมืองได้เช่นกัน

แต่ก็ไม่น่าจะทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยพยานหลักฐานมีเป็นจำนวนมาก และต้องทำอย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นก็มีกกต.ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะอาจจะถูกสว.ใช้ข้อกฎหมายตอบโต้กลับ

ต่างจากคดีพิเศษ24/2568 “ฟอกเงิน-อั้งยี่” ที่ดีเอสไอรับเป็นคดีอาญาภายใต้การกับของพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” จากฝั่งพรรคเพื่อไทยเป็นเงาทะมึนอยู่เบื้องหลังเช่นกัน ขณะนี้ทั้ง 2 คดียังอยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากการสอบสวนปากคำพยานทั่วประเทศแต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ และคาดอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

แม้คดีฟอกเงินจะมีความคืบหน้า มีการตรวจสอบจนพบเส้นเงิน 500 ล้านบาทที่ระบุว่า อาจจะถูกใช้ในการเลือกสว.ตั้งแต่ระดับอำเภอ,จังหวัด,ประเทศ และมีการจัดทำแผนผังความเชื่อมโยง พฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลและขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำจนสามารถออกหมายจับใครได้

ในขณะที่คดีอั้งยี่ ก็อยู่ระหว่างการเรียกสอบพยานบุคคล จนทำให้เกิดปัญหาบานปลาย กลายเป็น “สงครามตัวแทน” ระหว่าง “กรมการปกครอง” ที่มี นาย อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย แห่งพรรคภูมิใจไทย กำกับดูแล หลังดีเอสไอ 3 นาย บุกขอเข้าสอบปากคำพยาน 2 คน ที่ จ.อำนาจเจริญ เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา

จนทำให้เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2568 นายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญต้อง ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อรายงานเรื่องดังกล่าวให้รับทราบมายังกระทรวงมหาดไทย และเป็นเหตุให้ พ.ต.อ.ทวี ออกมาชี้แจงว่า ตามอำนาจ พ.ร.บสอบสวนคดีพิเศษ 2547 มาตรา 22 ตำรวจและผู้ว่าราชการจังหวัด ถือเป็นพนักงานฝ่ายปกครอง มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ หากไม่ให้ความร่วมมือจะมีโทษจำคุก 1-10 ปี

“กรณีที่ผู้ว่าฯ ที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครอง และตำรวจ มีหน้าที่แล้วไม่ทำ โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต ก็มีความผิดตามกฎ หมายประกอบรัฐธรรมนูญด้วย ตามมาตรา 157 แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่า มีการขัดขวาง และก็ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน รมว.มหาดไทยในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

แม้ นายอนุทิน จะดูเหมือนไม่ติดใจกับข้อกฎหมาย และการลงพื้นที่สอบปาก คำของพยานใน จ.อำนาจเจริญ แต่ก่อนหน้านี้เคยมีการเคลื่อนไหวจากกลุ่ม 4 สว.อำนาจเจริญ คือ นางแดง กองบุญมา, นางเพลินจิต ขันแก้ว ,นายสมพาน พละศักดิ์ และ นายสุวิช จำปานนท์ ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.ฉัตวรรษ แสงเพชร ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา (สว.)

โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กรณีลงพื้นที่สอบปากคำบุคคลในคดีตรวจสอบการเลือก สว.ที่ไม่โปร่งใสในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ มีการเรียกสอบอดีตผู้สมัคร สว.ในพื้นที่ โดยไม่ส่งหนังสือผ่านช่องทางราชการ แต่ใช้วิธีส่งสำเนาผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ และส่งผ่านบุคคลภายนอกที่เป็นคู่กรณีทางการเมือง หรือมีการบังคับให้รับสารภาพโดยออกอุบายว่าบุคคลอื่นรับสารภาพแล้ว ถือเป็นกระทำการที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ เป็นต้น

ขณะที่ฝั่งของ พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ตัวแทนคณะกลุ่มสว.สำรอง ยืนยันว่า ใน จ.อำนาจเจริญ มีกระบวนการบริหารจัดขบวนการฮั้ว สว.ค่อนข้างชัดเจน มีกลุ่มนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่เข้าไปบงการ ทั้งข้าราชการ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ มีการเกณฑ์คนไปสมัครคัดเลือกเป็น สว. เพื่อบริหารจัดการแบ่งกลุ่มดูแลกันเป็นรายอำเภอ

“มีการจ่ายเงิน และมีนักการเมืองใหญ่ดูแล เป็นแกนหลักในการบริหารจัดการการฮั้ว ส.ว.ทั้งประเทศ …เป็นคนรวมโผส่งต่อให้ผู้มีอำนาจเลือกว่าเบอร์ไหน ใครควรจะได้เป็น ส.ว. แล้วค่อยมารวมเป็นตารางโพย ดังนั้นคำว่า โพยจึงมีที่มาจาก จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นทางรวมโพยทั้งหมด”

การสัประยุทธ์ครั้งนี้ ถือเป็นการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองและทางกฎหมายอย่างดุเดือดของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นเงาทะมึนอยู่เบื้องหลังกระทรวงยุติธรรมและมหาดไทย โดยมีเดิมพันอยู่ที่การสอย 138 สว.ใครลงมือก่อน ได้เปรียบก่อน

แม้ช่วงเวลานี้กกต.และดีเอสไอจะนำโด่งในเรื่องการตรวจสอบหลักฐานอย่างเข้มข้น แต่จะแผ่วปลายหรือไม่ อีกไม่นานคงได้รู้กัน

อ่านข่าว:

กกต.ชี้เป็นข่าวคลาดเคลื่อน กระแสข่าว “กกต.ลงดาบ 60 สว.”

“ทวี” โยน “กกต.” ตอบ กระแสข่าว แจ้งข้อกล่าวหา 60 สว.

ศึกชิงนายกเล็ก “ปชน. ชน บ้านใหญ่” ยุค เพื่อไทย ”ขายไม่ออก”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *